ส่วนประกอบของสารโฆษณา ส่วนประกอบที่สำคัญของสารโฆษณาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. วัจนภาษา คือการที่มนุษย์ได้มีการกำหนดข้อตกลงในการใช้สัญลักษณ์แทนคำต่าง ๆ ในการสื่อความหมาย เพื่อถ่ายทอดความคิด ซึ่งอาจใช้การเปล่งเสียงในภาษาพูดหรือการใช้ตัวอักษร ในการเขียนแล้วแต่โอกาส ในการสื่อความหมายเพื่อ สื่อสารกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร ซึ่งในงานโฆษณานั้นสามารถ แบ่งออกได้เป็น การพาดหัวเรื่อง ข้อความโฆษณา คำขวัญหรือ สโลแกน คำบรรยายใต้ภาพ และชื่อหรือยี่ห้อสินค้า วัจนภาษา คือ สัญลักษณ์ที่ใช้แทนหรือคำต่าง ๆ ที่ใช้ในภาษาหนึ่งๆแบ่งเป็นคำที่สร้างความหมาย โดยการใช้การเปล่งเสียง ในภาษาพูดและใช้ตัวอักษรในภาษาเขียน ซึ่งส่วนผสมทางด้านวัจนภาษา สามารถแบ่งออกได้เป็น 1. 1 พาดหัว ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของการพาดหัวได้ออกเป็น การพาดหัวเจาะจง กลุ่มเป้าหมาย วิธีตั้งคำถาม นำคำพูดของคนดังหรือสุภาษิตแบบออกคำสั่ง นำคำตรงข้ามกัน มาติดกันฯลฯ 1. 2 ข้อความโฆษณา ที่แบ่งประเภทของข้อความโฆษณาได้เป็นแบบพรรณนา แบบเล่าเรื่อง แบบให้เหตุผล แบบบอกวิธีใช้ 1. 3 คำบรรยายใต้ภาพ เป็นข้อความประกอบภาพเพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น 1. 4 สโลแกน คือ ข้อความสั้นๆ ที่สรุปความคิดรวบยอดของสินค้าหรือเป็นข้อความจูงใจที่สะดุดตา และเป็นที่จดจำในคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการนั้นๆ ประเภทของสโลแกนสามารถแบ่งออกได้มากมาย เช่น สโลแกนที่บอกจุดขาย สโลแกนที่บอกคุณสมบัติ บุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย สโลแกนที่เป็นคำสั่ง สโลแกนที่เปรียบเทียบกับสินค้าอื่น 2.
คุณเคยสังเกตุหรือแอบสงสัยกับ "คำพูด" หรือไม่ ว่าแต่ละคำมันมีความหมายอย่างไร แล้วทำไมถึงต้องเอามาใส่ในประโยคจนกลายเป็นคำพูดติดปาก ในขณะบางคำไม่มีความหมายอะไรเลย จึงขอรวบรวมคำพูดติดปากที่เคยได้ยินจากคนใกล้ตัวพูดบ่อยๆ มาบอกเล่าประสบการณ์จริง เผื่อใครติดปากคำไหนกันบ้าง 1. " เห้ยแก " ฉันมีเรื่องจะเมาท์ ระหว่างนั่งทำงานอยู่ เพื่อนข้างๆ ก็ตะโกนออกมาอย่างดัง " เห้ยแก " ฉันมีเรื่องจะเมาท์ จากเดิมที่ตั้งใจทำงานอยู่นั้นต้องหันไปทันที เพื่อรับฟังเรื่องเล่าจากเพื่อน ฮ่าๆๆ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่จำไม่ได้ she ก็พูดๆ อย่างออกรสออกชาติ จนเรื่องราวมาถึงตอนจบ แล้วก็ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง "เห้ยแก…ฉันลืมส่งงาน" 2. " จริงๆ แล้ว " มันมีหลายสาเหตุมากเลยนะ เอ้า!! แล้วถ้ามันไม่จริงหล่ะ? เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัว ระหว่างที่นั่งแกะเทปสัมภาษณ์ เพราะผู้เขียนมักจะได้ยินคำว่า "จริงๆ" ขึ้นต้นประโยคเสมอ ฟังไปพิมพ์ไป นับคำนี้ได้เยอะมาก ฮ่าๆๆ จากนั้นลองสังเกตุเพื่อนๆ ในออฟฟิตว่ามีใครติดพูดคำนี้บ้าง สรุปว่าก็มีเหมือนกันจ้า แล้วก็นั่งขำอยู่เดียว 3. อร่อยมาก ราคาไม่แพง "อะไรประมาณนี้" นั่งล้อมวงทานอาหารกลางวันอย่างอร่อย พร้อมฟังเรื่องเล่าที่แต่ละคนหยิบยกมาแลกเปลี่ยนกัน ระหว่างนั้นก็แอบสังเกตุคำพูดของเพื่อนในวง "เราน่าจะหาร้านกาแฟน่ารักๆ ไปถ่ายรูปสวยๆ กัน อะไรประมาณนี้" "เมื่อคืนไปกินอาหารญี่ปุ่นมา อร่อยมากราคาไม่แพง อะไรประมาณนี้" she พูดทิ้งท้ายประโยคด้วยคำว่า "อะไรประมาณนี้" ตลอด จนเราคิดในใจหรือว่ามันจะเป็นคำสร้อย ^^ 4.