คือ 1/10^6(สิบยกกำลัง6) ส่วน mg/l คือ ปริมาณสาร (mg)/ น้ำ 1ลิตร และเนื่องจากคุณสมบัติของน้ำ(น้ำกลั่น) ในทางปฏิบัติโดยทั่วไปแล้ว น้ำ 1 ลบ. ม. หนัก 1 ตัน หรือ 1, 000 กิโลกรัม (kg) และน้ำ 1 ลบ. เท่ากับ 1, 000 ลิตร นั่นหมายความว่า น้ำ 1 ลิตรหนัก 1 kg จาก mg/l ข้างต้น แทนค่า น้ำ 1 ลิตร ด้วย 1 kg จะได้ mg/kg และจากการแปลงค่า prefix ของหน่วย คือ 1 kg เท่ากับ 10^6 mg แทนค่าได้ mg/10^6 mg เมื่อตัด mg ทั้งเศษและส่วนออก จะได้ 1/10^6 จะเห็นได้ว่า เฉพาะในกรณีความเข้มข้นของมลพิษน้ำนั้น mg/l จึงเท่ากับ ppm. สำหรับหน่วยความเข้มข้นของมลพิษอากาศ คงไม่โชคดีเหมือนของมลพิษทางน้ำ (mg/l = ppm. ) ppm = part per million 1 mg = 0. 001 g 1 kg = 1000 g กรณีของน้ำ ซึ่งเราจะนิยามให้ ความหนาแน่นของน้ำมีค่าเท่ากับ 1 g/ 1 ml ดังนั้นน้ำ 1 ลิตร (liter) = 1000 ml จะมีน้ำหนักเท่ากับ 1000 g = 1 kg ดังนั้น 1 mg ต่อ 1 kg ถ้าทำเป็นหน่วย mg เหมือนกัน จะเท่ากับ 1 mg ต่อ 1000 x 1000 mg = 1 mg ต่อ 1, 000, 000 mg หรืออีกความหมายคือ 1 mg = 10^-3 g 1 kg = 10^3 g ซึ่งก็คือห่างกัน 1, 000, 000 ส่วน ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ppm คำว่า ppm นั้นย่อมาจาก parts-per-million หรือหนึ่งในล้านส่วน ถ้าเราแปลง ppm เป็นตัวเลขนั้นหมายถึง 1 ÷ 1, 000, 000 = 0.
ข้ามไปเนื้อหา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พอลิโพรพีลีน ชื่อตาม IUPAC Poly(1-methylethylene) ชื่ออื่น Polypropylene; Polypropene; Polipropene 25 [USAN]; Propene polymers; Propylene polymers; 1-Propene; [-Ch2-Ch(Ch3)-]n เลขทะเบียน เลขทะเบียน CAS [9003-07-0] [ CAS] ChemSpider ID None คุณสมบัติ สูตรเคมี (C 3 H 6) n ความหนาแน่น 0. 855 g/cm 3, amorphous 0. 946 g/cm 3, crystalline จุดหลอมเหลว 130–171 °C (266–340 °F; 403–444 K) หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa สถานีย่อย:เคมี พอลิโพรพีลีน ( อังกฤษ: polypropylene, ย่อ PP) หรือ พอลิโพรพีน (polypropene) เป็น พอลิเมอร์ เทอร์โมพลาสติก ในกลุ่ม พอลิโอลีฟิน พอลิโพรพีลีนมีคุณสมบัติคล้าย พอลิเอทีลีน เป็นสารไม่มีขั้ว ทนต่อไขมันและตัวทำละลายอินทรีย์เกือบทั้งหมด มีจุดหลอมเหลวประมาณ 130–171 °ซ และจุดวาบไฟที่อุณหภูมิสูงกว่า 300 °ซ [1] เจ. พอล โฮแกนและรอเบิร์ต แบงส์ค้นพบกระบวนการเตรียมพอลิโพรพีลีนในปีค. ศ. 1951 [2] ขณะที่กระบวนการปรับแต่งโครงสร้างพอลิโพรพีลีนถูกค้นพบครั้งแรกโดย จูลีโย นัตตา นักเคมีชาวอิตาลีในปีค.
พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (High density polyethylene, HDPE) เป็นพลาสติกที่ทนทานต่อสารทำละลายต่างๆ ทำให้มีการนำไปใช้ทำผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาชนะบรรจุต่างๆ เช่น ทัปเปอร์แวร์ ขวดน้ำยาซักผ้า ขวดนม ถังน้ำมันสำหรับยานพาหนะ โต๊ะและเก้าอี้แบบพับได้ ถุงพลาสติก ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสีควรระมัดระวังอันตรายจากเม็ดสีที่เติมเข้าไป ซึ่งมีส่วนผสมของตะกั่วและแคดเมียม สารทั้งสองตัวนี้สามารถแพร่ออกมาจากพลาสติกได้ 3. พลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์ (Polyvinyl chloride) หรือที่เรียกกันว่า พีวีซี (PVC) ใช้ทำพลาสติกห่ออาหาร ถุงหูหิ้ว (ขนาดเล็กนิยมบรรจุอาหารประเภททอด เช่น ปาท่องโก๋ กล้วยแขก) ขวดบรรจุชนิดบีบ (เช่น น้ำมันพืช) กล่องอุปกรณ์ต่างๆ ภาชนะบรรจุเครื่องดื่มอาหาร ตะแกรงคว่ำจาน สิ่งที่ควรระวังคือ สารเติมแต่งเพื่อปรับปรุงคุณภาพพีวีซี เช่น สารพลาสติกไซเซอร์และสารอื่น ๆ ได้แก่ พาทาเลท สารแต่งสีซึ่งมีตะกั่วและแคดเมียม สารทำให้คงตัว (stabilizers) เช่น แบเรียม สามารถแพร่กระจายออกมาได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการห่ออาหารขณะร้อนด้วยพลาสติกอุ่นอาหารโดยมีพลาสติกที่ห่ออาหารอยู่ และการใส่อาหารร้อนในถุงหูหิ้วโดยตรง 4.
ปัจจุบัน ท่อ CPVC ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนการใช้ท่อ PP-R เหมาะสำหรับ งานระบบประปา ภายในอาคาร 2. ท่อ CPVC มีคุณสมบัติเด่นที่สามารถทนความร้อนและสามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเชื่อม เพียงใช้น้ำยาประสานท่อเท่านั้น 3. ท่อ CPVC มีราคาสูงกว่าท่อ PP-R ขนาด ท่อ PP-R 1. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ตั้งแต่ 1/2 นิ้ว จนถึง 6 นิ้ว และบางแบรนด์ผลิตจนถึงขนาด 12 นิ้ว 2. ความยาวมาตรฐาน 4 เมตร ประเภทท่อ PP-R ท่อพีพีอาร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR11 PN10 ชนิดใช้กับน้ำอุ่น ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-60 องศา 2. ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR6 PN20 ชนิดใช้กับน้ำร้อน ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-95 องศา หมายเหตุ (Standard Dimension Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ต่อความหนาท่อ คือ ชั้นความดัน มาตรฐานการผลิต ท่อ PP-R DIN 8077 และ DIN 8078 ของเยอรมัน และข้อต่อ มาตรฐาน DIN 16962-5 เนื่องจากปัจจุบันท่อพีพีอาร์ยังไม่มีมาตรฐาน มอก. กำกับ จึงใช้มาตรฐานของเยอรมัน DIN 8077, DIN 8078 อ้างอิงแทน
000001 = 10^−6 (สิบยกกำลังลบ6) ตัวอย่าง หากเราบอกว่านาฬิกาเรือนหนึ่งมีค่าความผิดพลาดอยู่ที่ 20 ppm วินาที นั้นหมายความว่าเวลาเราดูเวลาจากนาฬิกาเรือนนี้จะมีโอกาสที่เวลาจะเดินผิดพลาดได้ 20 วินาที จาก 1 ล้านวินาที ถ้าคิดต่อว่าถ้าเทียบแล้ว 1 วันแล้วเวลาเดินผิดไปกี่วินาทีเราสามารถคำนวณได้ว่า 86400 x (20 ÷ 1, 000, 000) = 1. 728 นั้นแสดงว่าค่าความผิดพลาดที่ 20 ppm วินาที ทำให้เวลาเดินผิดพลาด 1. 728 วินาทีต่อวันนั้นเอง นอกจาก ppm แล้วยังมี ppb (parts-per-billion, 10^−9, 1 ÷ 1, 000, 000, 000) หนึ่งในพันล้านส่วน ppt (parts-per-trillion, 10^−12, 1 ÷ 1, 000, 000, 000, 000) หนึ่งในล้านล้านส่วน ppq (parts-per-quadrillion, 10^−15, 1 ÷ 1, 000, 000, 000, 000, 000) หนึ่งในพันล้านล้านส่วน ขอบคุณที่มา:
ข้อจำกัดท่อ PP-R ข้อเสียของท่อ PP-R คือ ท่อพีพีอาร์ไม่ทนต่อแรงกระแทก ไม่เหมาะกับการติดตั้งใต้พื้นดิน หรือ พื้นคอนกรีตที่มีการทรุดตัว และการติดตั้งต้องใช้เครื่องมือเชื่อมท่อในการหลอมเหลวท่อกับข้อต่อและอุปกรณ์อื่นให้ประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่สะดวกติดตั้งในบางบริเวณ เพราะต้องจัดหาเครื่องเชื่อมที่หน้าไซต์งาน และต้องหาผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมท่อ รวมถึงต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง คำแนะนำ 1. ปัจจุบัน ท่อ CPVC ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อทดแทนการใช้ท่อ PP-R เหมาะสำหรับ งานระบบประปา ภายในอาคาร 2. ท่อ CPVC มีคุณสมบัติเด่นที่สามารถทนความร้อนและสามารถติดตั้งได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเชื่อม เพียงใช้น้ำยาประสานท่อเท่านั้น 3. ท่อ CPVC มีราคาสูงกว่าท่อ PP-R ขนาด ท่อ PP-R 1. ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ตั้งแต่ 1/2 นิ้ว จนถึง 6 นิ้ว และบางแบรนด์ผลิตจนถึงขนาด 12 นิ้ว 2. ความยาวมาตรฐาน 4 เมตร ประเภทท่อ PP-R ท่อพีพีอาร์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR11 PN10 ชนิดใช้กับน้ำอุ่น ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-60 องศา 2. ท่อ PP-R ค่าระดับมาตรฐาน SDR6 PN20 ชนิดใช้กับน้ำร้อน ใช้กับช่วงอุณหภูมิ 38-95 องศา หมายเหตุ (Standard Dimension Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกท่อ ต่อความหนาท่อ คือ ชั้นความดัน มาตรฐานการผลิต ท่อ PP-R DIN 8077 และ DIN 8078 ของเยอรมัน และข้อต่อ มาตรฐาน DIN 16962-5 เนื่องจากปัจจุบันท่อพีพีอาร์ยังไม่มีมาตรฐาน มอก.
ท่อ พีพีอาร์ ท่อ PP-R คือ ท่อสำหรับงานระบบประปาน้ำอุ่น และประปาน้ำร้อน เหมาะสำหรับงานประปาภายในอาคาร เป็นท่อน้ำร้อน ท่อน้ำอุ่น ท่อสารเคมี ภายในอาคาร บ้าน โรงพยาบาล โรงแรม รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และหน่วยงานที่ต้องการความคงทนถาวรของท่อ หรืออาคารเพื่อการอยู่อาศัยระยะยาว PP-R ย่อมาจาก Polypropylene Random Copolymer คุณสมบัติ ท่อ PP-R 1. ท่อ PP-R ทนอุณหภูมิได้สูง 95 องศาเซลเซียส และสามารถรับแรงดันได้ถึง 20 บาร์ จึงเหมาะสำหรับเป็นท่อน้ำอุ่น และท่อน้ำร้อน 2. ท่อ PP-R ไม่เป็นสนิม ผลิตจากพลาสติกคุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัย สามารถใช้เป็นท่อน้ำดื่มได้ 3. ท่อ PP-R ไม่รั่วซึม เพราะการติดตั้งแบบเชื่อมท่อแบบสอด (Socket Fusion) โดยการใช้ความร้อน 250-260 องศา ทำให้ท่อและข้อต่อผสานเป็นเนื้อเดียวกัน 4. ท่อ PP-R อายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 50 ปี 5. ท่อ PP-R มีน้ำหนักเบา 6. ท่อ PP-R นิยมใช้ทดแทนท่อทองแดง เนื่องจากท่อพีพีอาร์มีราคาถูกกว่า แต่มีราคาสูงกว่าท่อ PVC ถึง 5. 5 - 8 เท่า (เทียบระหว่างท่อ PVC ระดับ 13. 5 กับท่อพีพีอาร์ SDR6 PN20) จึงนิยมมาใช้ในงานเฉพาะท่อน้ำร้อน เนื่องจากได้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่โดดเด่นของท่อจริงๆ ข้อจำกัดท่อ PP-R ข้อเสียของท่อ PP-R คือ ท่อพีพีอาร์ไม่ทนต่อแรงกระแทก ไม่เหมาะกับการติดตั้งใต้พื้นดิน หรือ พื้นคอนกรีตที่มีการทรุดตัว และการติดตั้งต้องใช้เครื่องมือเชื่อมท่อในการหลอมเหลวท่อกับข้อต่อและอุปกรณ์อื่นให้ประสานเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่สะดวกติดตั้งในบางบริเวณ เพราะต้องจัดหาเครื่องเชื่อมที่หน้าไซต์งาน และต้องหาผู้เชี่ยวชาญในการเชื่อมท่อ รวมถึงต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง คำแนะนำ 1.