ฮิปโป: อันนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับคุณแม่ มันเลยยังคลาดเคลื่อนเข้าใจผิด หลักฐานบางอย่างเราก็ไม่รู้จริงๆ โม: หลังจากเจอร่างเรามืดแปดด้านกัน ไม่รู้จะทำยังไง มีเพื่อนจำนวนนึงมุ่งตรงไป สภ. นนทบุรี เลย เราไปนั่งคุยที่นั่นนานพอสมควรถึงจะรวมตัวไปนิติเวชต่อ ตอนที่ไป สภ. นนทบุรี กระติกอยู่แถวนั้นมั้ย? โม: ไม่อยู่ ไม่เห็น โมมาเจอที่นิติเวชแล้ว ล่าสุดเมื่อวานโมไปนิติเวชกับพี่เบิร์ดอีกรอบนึง พูดคุยกับพี่เบิร์ดนิดหน่อยแล้วก็แยกกัน จะมารับเค้าอีกทีวันที่พี่เค้าไปโบสถ์ค่ะ เวลาแตงโมรับงานเงินเข้าใคร? ฮิปโป: เข้าแตงโมค่ะ หนูจะเข้าบัญชีนำเงินหัก 10% เพื่อไปทำบุญในทุกๆการทำงานของโม เชียร์: ถ้าเป็นเงินสดเราไม่รู้แล้วนะ พูดกันตามตรง เรื่องนี้ขอให้ความยุติธรรมมันเกิดเถอะ มันนอกเหนือที่เราจะรู้กันได้แล้ว ต้องฝากกระบวนการจริงๆ
ภูมิสิษฐ์ สุคนธวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิสารพิทยากร ได้ทำให้เราเห็นผ่านแผนการเรียนที่ช่วยให้เด็กได้ค้นหาตัวตน ความต้องการ ความถนัด และเพื่อกำหนด 'อนาคตที่ใช่' ในแบบของตัวเอง การเรียนรู้ผ่านวิชาเลือกอาชีพ ช่วยเด็กค้นหาตัวเอง การปรับเปลี่ยนแผนการเรียนการสอนเป็นเพียงปลายทางของการจัดการศึกษา และหัวใจสำคัญที่แท้จริงอยู่ที่ประสบการณ์ในการเรียนรู้ ซึ่งรูปแบบการจัดการศึกษาที่ดร. ภูมิสิษฐ์ นำมาใช้คือการจัดการ 'การศึกษาเพื่ออาชีพ' "คำว่า การจัดการศึกษาเพื่ออาชีพ ไม่ได้หมายความว่า เราทำให้นักเรียนจบม. 6 แล้วไปประกอบอาชีพ แต่เรากำลังทำให้นักเรียนตั้งแต่ม. ต้น เขารู้จักตัวตนของตัวเอง รู้จักความต้องการ ความถนัด ความสนใจในอาชีพ ผ่านการเรียนรู้จากวิชาเลือกอาชีพ จากประสบการณ์ทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน" สร้างแรงจูงในใจอาชีพให้กับเด็กตั้งแต่เริ่มต้นเข้ามัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยการพาสัมผัสและพูดคุยกับบุคคลที่ประกอบอาชีพนั้นๆ เพื่อให้เห็นว่า อาชีพนี้ต้องเจออะไรบ้าง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกเส้นทางก่อนขึ้นมัธยมปลาย รวมถึงมีค่ายค้นหาความต้องการความถนัดปีละหนึ่งครั้งตั้งแต่ม. 1-ม. 6 และเสริมด้วย Project based learning (PBL) ซึ่งจะผูกโยงกับอาชีพเช่นเดียวกัน "เด็กตั้งแต่ม.
6" แต่สิ่งที่ดร. ภูมิสิษฐ์ เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านแววตาและพฤติกรรมของเด็กคือ เด็กมีความสุขกับการเรียน ต่อให้การบ้านเยอะแค่ไหนถ้าเป็นการบ้านที่เขาชอบ เขาก็อยากจะทำ เพราะเป็นสิ่งที่ท้าทาย และพฤติกรรมเปลี่ยนไปคือสนใจการเรียนมากขึ้นกระตือรือร้นมากขึ้น มีเป้าหมายชัดเจนในการเรียน "ผลสัมฤทธิ์ของเราไม่ได้มองแค่ว่าเด็กเข้ามหาวิทยาลัยตามคณะที่ต้องการแล้วก็สอดคล้องกับแผนการเรียนที่เขาเลือกในม. ปลายเท่านั้น แต่เรามองไปถึง achievement ที่ว่าพอเขาเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วเขาจะไม่ซิ่ว ไม่เปลี่ยนคณะ เรียนไปจนตลอดรอดฝั่งจนจบ และเป็นคนดีคนเก่ง จากนั้นยังไม่พอเรียนจบไปแล้วเด็กคนนี้ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเป็นหัวหน้างาน เป็นผู้จัดการ เป็นประธานบริษัท แสดงว่านี่คือผลผลิตของเราที่เราฟูมฟักทั้งเรื่องความรู้ ทักษะ และเจตคติ" ทั้งหมดทั้งมวลเป็นการเปิดกว้างให้เด็กได้ค้นหาตัวตน ค้นหาสิ่งที่ชอบ ความถนัด เพื่อที่จะกำหนดอนาคตที่ใช่ด้วยตัวของเขาเอง "เราต้องการที่ทำให้เด็กรู้ตัวเร็วที่สุด เพราะการที่รู้ตัวเร็วที่สุดมันได้เปรียบคนอื่น" ผู้อำนวยการโรงเรียนโพธิสารพิทยากร ทิ้งท้าย
ต้นที่เกี่ยวกับแพทย์ วิชาเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับแพทย์ในม.
อะตอม: ใช่ครับ โมจะเป็นคนมาถือร่มให้ อันนี้เพิ่งคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองว่าหลังจากที่ผมไปหาหมอครั้งสุดท้ายแล้วจะรู้ว่าจะได้บวชเมื่อไหร่ ก็ได้ฤกษ์บวช 20 มีนาคม นี้ แล้วสัปดาห์นี้มีการนัดเจอกันด้วย แล้วให้ผมมาอัปเดตเรื่องบวชว่าต้องเตรียมอะไรยังไงบ้าง แต่ตอนนี้โมไม่อยู่แล้ว? อะตอม: อยากให้ดวงจิตวิญญาณของมันมาอยู่ในงานด้วย หรือว่ามาดูความปลื้มปิติของเราและครอบครัวด้วย เหมือนกับที่มันเคยช่วยเรามาเมื่อก่อน แล้วตัวผมเองตั้งใจจะแผ่บุญให้มันในทุกวัน ครั้งนี้บวช 1 เดือน แล้วทุกวันผมจะแผ่บุญให้มัน
ทำไมวันนั้นไม่ไปกับโม? ฮิปโป: ตารางการทำงานมันถูกเปลี่ยน เปรียบเทียบง่ายๆพี่กระติกคือ MD คือผู้ถือคิวและรับงานทั้งหมด แอนนาคือAE ที่เป็นคนขายงานโดยไม่หักเงินสักบาทเดียว ฮิปโปคือ AR คนดูแลศิลปินที่จะต้องไปงานทุกงานยกเว้นงานส่วนตัวเช่น พี่หนิงทานข้าวกับแตงโมหนูไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ ในตารางคือแตงโมกลับจากภูเก็ตหลังจากพักผ่อนเยี่ยมญาติถึงวันเสาร์ วันอาทิตย์แตงโมมีคิวสวอปจมูกเพื่อถ่ายละครในวันอังคารและวันพุธ ดังนั้นวันจันทร์แตงโมว่าง ในการพูดมาไม่มีเลยว่าแตงโมจะไปทำอะไร วันพฤหัสหนูทราบมาว่าโมมีไปทานกับพี่กระติกในการลงเรือ ในความเข้าใจลงเรือคือเรือสำราญ แตงโมไม่รับงานอย่างนี้ แต่มีคนรับงานแทนหรือเปล่า? โม: อันนี้โมว่าความยุติธรรมบนโลกมันมีนะคะ ยังเชื่อในกฎหมายไทยอยู่ ฮิปโป: อันนี้หนูขอไม่ให้ความคิดเห็นว่ามีใครรับแทนมั้ย เพราะเราไม่รู้จริงว่า ณ โมเมนต์นั้นเค้าทำอะไรกันบ้าง แต่เค้าแค่บอกหนูว่าวันพฤหัสพี่โมกับพี่ติกมีลงเรือไปทานข้าวนะ เพราะยังไงโมก็ต้องกลับมา วันศุกร์มีถ่ายรายการที่ต้องร้องเพลง เชียร์: ปาฏิหาริย์มันไม่เกิด แต่ขอให้ความจริงกับความยุติธรรมมันเกิดได้มั้ย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กระบวนการเผยให้เรารู้สักทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่เรา ล่าสุดคุณแม่ออกมาบอกว่ามีหลักฐานที่แตงโมถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ?
ภูมิสิษฐ์บอกว่า "เราให้โอกาสเทอมนึงในการเลือกในการเปลี่ยน แต่ต้องอธิบายว่า เราเล่นกับความคาดหวังของผู้ปกครอง ดังนั้น การที่เด็กชอบ เด็กต้องการ เด็กถนัดอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องดูที่ศักยภาพของตัวเองด้วย เราจึงต้องกำหนดเกณฑ์ในการเข้าแต่ละแผน เช่น จะต่อเตรียมแพทย์จบม. 3 ต้องได้เกรดเฉลี่ย 3.