นวด ประคบ ฝังเข็ม กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทําให้จํานวนครั้งของอาการปวดลดลง รวมทั้งระดับความปวดลดลงได้ด้วย จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ลดการใช้ยาของผู้ป่วยที่มีอาการไม่มาก ปวดศีรษะ ไมเกรน เป็นอย่างไร นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า โรคปวดศีรษะไมเกรน หรือ โรคลมปะกัง เป็นกลุ่มอาการปวดศีรษะเรื้อรังที่พบได้ทั่วไปในคนทุกวัย พบมากในผู้หญิงมากว่าผู้ชายประมาณ 3.
ใช้นิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว (ยกเว้นนิ้วโป้ง) เสยจากขมับย้อนไปหลังกกหู เพื่อให้เลือดเกิดการไหลเวียนดีขึ้น เสยรีดเส้นเลือดไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าอาการบวมที่ขมับลดลง จากนั้นสลับมาทำที่ขมับอีกข้างหนึ่ง 10. เมื่อรู้สึกผ่อนคลายขมับมากขึ้น ให้เปลี่ยนมานวดเสยจากหน้าผากขึ้นไปยังศีรษะต่อ 11. ถัดมาให้นวดที่ฐานคิ้ว โดยถ้าคลำไปจะพบเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งบริเวณคิ้ว ให้ค่อย ๆ ใช้ข้อนิ้วรีดเส้นแข็งนั้นเรื่อย ๆ จนกล้ามเนื้อคลายตัวลง 12. เปลี่ยนมานวดที่ใต้ฐานคิ้วเบา ๆ จนอาการปวดดีขึ้น 13. เสร็จแล้วให้ใช้ข้อนิ้วนวดเบา ๆ ที่ขอบตา เป็นการบริหารกล้ามเนื้อดวงตาให้ผ่อนคลายหายจากอาการปวด 14. บริหารดวงตาต่อโดยกรอกตาอย่างช้า ๆ ไปด้านขวา ด้านซ้าย ด้านบน และด้านล่าง อย่างละ 30 ครั้ง สำหรับคนที่อยากดูวิธีการนวดชัด ๆ สามารถเรียนรู้การนวดแก้ไมเกรนและอาการปวดศีรษะด้วยตัวเองจากคลิปวิดีโอนี้เลยค่ะ ใครรู้สึกปวดตาหรือปวดศีรษะบ่อย ๆ ลองนวดแก้อาการปวดด้วยตัวเองตามคำแนะนำของอาจารย์สุวัฒน์ จ. เชียงใหม่ดูนะคะ หรือจะลองเข้าไปดูสาระเรื่องการบำบัดอาการปวดต่าง ๆ ด้วยตัวเองจาก Facebook ของอาจารย์สุวัฒน์ก็ได้ โดยเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย Thara Massage ธารา นวดไทย เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แนะนำ 6 วิธีรักษาไมเกรน ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไมเกรนเป็นโรคปวดศีรษะที่ไม่หายขาด แต่จะมีอาการกำเริบเมื่อมีปัจจัยมากระตุ้น ด้วยอาการรุนแรงแตกต่างกัน เมื่ออาการปวดไมเกรนกำเริบขึ้นมาเราสามารถบรรเทาความเจ็บปวดได้หลากหลายวิธี ทั้งแบบพึ่งยา และแบบพึ่งธรรมชาติบำบัด ถ้าอยากลอง วิธีรักษาไมเกรน แบบธรรมชาติแบบไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดก็มีหลากหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรน ดังนี้ 1. ใช้ความร้อน-ความเย็น ด้วยการอาบน้ำร้อน-น้ำเย็นสลับกันประมาณ 5 นาที หรือประคบร้อนที่ท้ายทอยและประคบเย็นที่หน้าผาก แล้วทำสลับที่กันทุก 2 นาที ประมาณ 6 รอบ และอีกวิธีแก้ไมเกรน แบบไม่ต้องพึ่งยาคือการแปะถุงเจลแช่เย็นบริเวณหน้าผากและเบ้าตา ความเย็นจะทำให้เส้นเลือดหดตัวช่วยบรรเทาอาการปวดได้เป็นอย่างดี 2. นวดกดจุดคลายปวด วิธีนี้จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญการนวดกดจุดในระดับหนึ่ง โดยบริเวณที่นิยมนวดกดจุดมี 3 จุด คือ มือ เท้า และท้ายทอย แต่บริเวณที่นักวิจัยในต่างประเทศระบุว่าช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ดีคือ ท้ายทอย 3. บำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย มีอยู่หลายกลิ่นที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดศีรษะ คลายเครียด ปรับอารมณ์และจิตใจให้สมดุล ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ กลิ่นสะระแหน่หรือเปปเปอร์มินต์ กลิ่นโหระพา ฯลฯ เมื่อรู้สึกมีอาการก็ใช้สูดดมตามปกติ 4.
ดื่มน้ำสมุนไพร พืชผักสมุนไพรที่สามารถช่วยลดอาการปวดไมเกรน และยังบรรเทาอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ดี เช่น ต้นมะตูม น้ำขิงจากเหง้าขิงแก่ น้ำต้มจากต้นกะเพราแดง น้ำจากใบบัวบก ฯลฯ 5. พืชผักช่วยรักษา มีพืชผักอีกหลายชนิดที่เราสามารถนำมาปรุงอาหารเพื่อช่วยต้านอาการปวดไมเกรนแล้วยังช่วยเพิ่มพลังให้แก่สมองอีกด้วย เช่น ผักใบเขียว ผักหวาน ถั่วเมล็ดแห้ง เห็ดหอมสด ฟักทอง กระเทียม ดอกแค พริกไทยดำ ข้าวซ้อมมือ เนื้อแดง หมู ปลา ฯลฯ ยิ่งในช่วงที่มีอาการปวดศีรษะให้พยายามกินอาหารเหล่านี้ก็จะช่วยได้ดี 6.
เชียงใหม่กันเลยค่ะ 1. เริ่มจากประสานมือไว้ที่ท้ายทอย ใช้นิ้วโป้งคลำหาเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งตึงให้เจอ 2. เมื่อเจอเส้นแข็งบริเวณต้นคอแล้ว ให้ใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างนวดคลึงไปเรื่อย ๆ ประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งจากการหดเกร็งจะคลายตัวจนนิ่มลง โดยการนวดจุดนี้จะช่วยคลายความเมื่อยล้าของสายตาได้เป็นอย่างดี 3. หากรู้สึกเมื่อยนิ้วโป้งสามารถเปลี่ยนท่ามาใช้อุ้งมือนวดเส้นแข็งแทนได้ 4. นวดเส้นกล้ามเนื้อท้ายทอยจนคลายตัวแล้ว ให้เปลี่ยนมากดจุดเจ็บบริเวณกกหู โดยใช้นิ้วโป้งคลำดูเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งและนูนออกมา ณ จุดนี้ 5. ค่อย ๆ ใช้นิ้วโป้งกดจุดเจ็บเบา ๆ พยุงศีรษะอีกด้านไว้ด้วยมืออีกข้าง แล้วกดจุดพร้อมกับเงยศีรษะขึ้นข้างบน ท่านี้อาจทำให้มีเสียงในกกหูหรือมีอาการหูอื้อ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะเป็นผลจากการที่เรากดจุดเท่านั้น อีกสักพักอาการจะหายไปเอง 6. เมื่อกดจุดเจ็บจนรู้สึกดีขึ้น ให้ก้มศีรษะลงเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างคลำหาเส้นที่แข็งบริเวณด้านหลังศีรษะ โดยคลำไล่ขึ้นไปด้านบน 7. เมื่อเจอจุดที่กล้ามเนื้อหดเกร็งจนแข็ง ให้ค่อย ๆ คลึงไปเรื่อย ๆ จนทั่วทั้งศีรษะ 8. เสร็จแล้วให้เปลี่ยนมานวดด้านหน้าบริเวณกกหูถึงขมับ โดยจุดนี้มักจะพบว่าเส้นเลือดแดงมีการหดตัวในขณะที่เส้นเลือดแดงรอบ ๆ ศีรษะขยายตัว จึงทำให้บริเวณขมับมีอาการบวม เกิดอาการปวดศีรษะได้ 9.
ใบสาระแน่ ใบสาระแน่ ที่มีความหอมเย็น สดชื่น ที่ส่วนใหญ่มักนำมา ประกอบในอาหาร หรือ นำมาตกแต่งบน ขนมหวาน มีส่วนช่วยบรรเทา และ ลดอาการเจ็บปวด ของอาการไมเกรนได้ดี โดยการนำใบสาระแน่ มาต้มในน้ำร้อน ประมาณ 5 นาที แล้วนำมาดื่ม อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จะสามารถช่วยลด อาการเจ็บปวด ของไมเกรน สิ่งที่ต้องเตรียม 1. มะนาว 1 ลูก 2. แครอท 1/4 ถ้วย 3. ผักโขม 1/2 ถ้วย 4. ขิงสดหั่น 1 ช้อนโต๊ะ 5. น้ำแข็งบดละเอียด 1 ถ้วย 6. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ 7. เกลือป่น เพียงเล็กน้อย วิธีทำ 1. ปลอกเปลือก ขิง และ แครอท จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำลงไปปั่นในเครื่องปั่น ให้ละเอียด 2. จากนั้นนำผักโขม ลงไปปั่น ผสมให้เข้ากัน 3. นำมะนาว มาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำลงไปปั่น ผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำผึ้ง และ เกลือป่น 4. เติมน้ำแข็งบดละเอียด ลงไปปั่นผสม 5. เพียงเท่านี้ก็เสร็จ พร้อมดื่มได้เลย ( ปริมาณของส่วนผสม สามารถเพิ่ม หรือ ลดตามความต้องการได้) " อาการของไมเกรน เป็นภาวะที่ค่อนข้าง มีความรุนแรง ที่ผู้ป่วยไม่ควรละเลย หากพบว่าตนเอง มีอาการปวดไมเกรน เรื้อรัง หรือ มีความรุนแรง เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี จึงจะดีที่สุด " ( สามารถฟังข้อมูล ได้ทาง youtube ได้ที่นี่)
Butterbur งานวิจัยหนึ่งพบว่า 68% ของผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์จาก butterbur ที่เรียกว่า Petadolex นั้นมีอาการไมเกรนลดลง 50% 6. วิธีที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรง: ยาแก้ปวด หากอาการปวดไมเกรนของคุณนั้นไม่รุนแรงมากขนาดที่ส่งผลต่อกิจวัตรประจำวันของคุณ และมีอาการอาเจียนน้อยกว่าสัปดาห์ละ 5 ครั้ง คุณสามารถใช้ยาแก้ปวดที่ซื้อได้ตามร้านขายยาเช่น aspirin, ibuprofen, พาราเซตามอล และ naproxen ได้ นอกจากนั้นยังพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมระหว่างพาราเซตามอล, แอสไพรินและคาเฟอีนนั้นสามารถลดอาการปวดได้เร็วกว่า ibuprofen เพียงอย่างเดียวถึง 20 นาที 7. วิธีช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนในผู้ที่มีอาการรุนแรง: ยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง หากคุณใด้ทดลองใช้ยาแก้ปวดทั่วไปแล้วพบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับยาที่สามารถใช้รักษาอาการปวดหัวได้ เช่นยาในกลุ่ม triptan ยาในกลุ่มนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ โดยปกติแล้วยาในกลุ่มนี้จะช่วยลดอาการปวดได้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังรับประทานและบรรเทาอาการได้จนเป็นปกติภายในชั่วโมงที่สอง 8. วิธีรักษาอาการปวดไมเกรนสำหรับผู้ที่มีอาการบ่อย: ยาป้องกันโรคไมเกรน หากคุณเป็นไมเกรนมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน คุณอาจจะสามารถใช้ยาในกลุ่มนี้ได้ โดยหลังจากเริ่มใช้ยาไปแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ ยาจะสามารถช่วยลดความถี่ในการเกินไมเกรนลงได้ครึ่งหนึ่ง งานวิจัยพบว่า 90% ของผู้ที่รับประทานยา propanolol และ timolol นั้นมีอาการที่ดีขึ้น หากยาในกลุ่ม beta-blocker นั้นไม่สามารถบรรเทาอาการได้ อาจเปลี่ยนมาใช้ยาในกลุ่ม calcium channel-blockers แทน 9.