วิธีทำ หัวเชื้อ"ไคโตซาน" ด้วยงบไม่เกิน20บาท - YouTube
ไคโตซาน คือสารสกัดสำคัญที่หลายคนยังสงสัย ว่ามาจากอะไรมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?? ไคโตซาน เป็นสารที่ได้จากที่ได้จากเปลือกกุ้ง หรือปู โดยแยกเอาโปรตีนและเกลือแร่ออกจะได้สารที่เรียกว่าไคติน (Chitin) ซึ่งเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำ และประกอบกับผ่านกระบวนการทางเคมีจึงได้สารไคโตซานในที่สุด ไคโตซาน เป็นส่วนผสมหลักในอาหารเสริมลดน้ำหลัก เพราะมีส่วนใจการช่วยเผาผลาญและเป็นเส้นใยอาหารตามธรรมชาติเช่นเดียวกับข้าวโอ๊ต มีโครงสร้างคล้ายตาข่ายมีความสามารถดักจับไขมันส่วนเกิน เหมาะสำหรับคนอ้วนเพราะไคโตซาน มีความสามารถดูดซับน้ำได้ดี จึงนิยมนำมาเป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะเมื่อเวลารับประทานทำให้รู้สึกอิ่มท้อง และอีกทั้งยังช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน
แนะนำให้ทำการฉีดพ่นทุก 15 วัน
อะไรคือ ไคติน – ไคโตซาน ไคติน ไคโตซาน เป็นสารที่พบได้จากธรรมชาติ มีอยู่ในสัตว์ประเภทที่มีเปลือกหุ้ม เช่น ปู กุ้ง แมลงต่างๆเป็นต้น คุณประโยชน์ของ ไคติน ไคโตซานเป็นสารที่มีความจำเป็นต่อเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งนอกจากอาหารหลักทั้ง 5 หมู่ ที่ร่างกายต้องการได้แก่ คาร์โบไฮเดต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่แล้ว ไคติน ไคโตซานจึงเป็นอาหารเสริมที่ให้ร่างกายรักษาความพอดีในการใช้ประโยชน์จากสารอาหารหลัก 5 หมู่ ให้มีประโยชน์สูงสุด ดังนี้ 1. ไคติน ไคโตซาน ทำให้ร่างกายแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันโรค ร่างกายของ คนเรามีความสามารถในการป้องกันและสามารถรักษาโรคได้ด้วยตัวเอง คือ สร้างภูมิคุ้มกันซึ่งถ้าภูมิคุ้มกันสามารถทำงานได้อย่างดีแล้วแม้ว่าจะมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย หรือเกิดเชื้อโรค หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติเกิดขึ้นในเซลล์ ระบบภูมคุ้มกันก็จะมีการทำงานที่กำจัดสิ่งดังกล่าวออกไปจากร่างกายได้ 2. ไคติน ไคโตซาน ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมัน รวมทั้งจับสารโลหะหนักที่เข้าไปในร่างกาย แล้วขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ ทำให้ร่างกายมีคอเลสเตอรอลและไขมันอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ซึ่งช่วยป้องกันโรคไขมันในหลอดเลือดหัวใจ ไขมันในตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ และป้องกันอาการเกิดพิษจากโลหะหนัก กำจัดอิออนของเกลือ ( สารประกอบของโซเดียมคลอไรด์) ทำให้ปริมาณเกลือในเลือดลดลง ความดันโลหิตก็จะไม่สูงขึ้น 3.
เป็นสารปรับสภาพดินและน้ำ 2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ 3. เป็นตัวช่วยให้พืชกินอาหาร กินปุ๋ยได้ดี ช่วยเร่งรากเร่งใบ เร่งลำต้น เร่งดอก เร่งผล ทำให้พืชและสัตว์โตเร็ว และแข็งแรง 4. สร้างความต้านทานโรคและแมลงศัตรูพืชได้ดี 5. ใช้เคลือบเมล็ดพันธ์ 6. ใช้ในการยืดอายุและรักษาคุณภาพผลผลิต 7. ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ 8. ทำให้ผลผลิตสูงขึ้น มีคุณภาพดี ปลอดสารพิษ ไคโตซานสำหรับพืช ก่อนการเก็บเกี่ยว 1. เคลือบ เมล็ดพันธุ์หรือแช่เมล็ดพันธุ์ก่อนปลูก ป้องกันเชื้อราที่จะมาทำร้ายเมล็ดพันธุ์ กระตุ้นการงอกของรากของเมล็ดพันธุ์ได้ดี เร่งรากยาวทำให้พืชสามารถกินปุ๋ยได้มากขึ้นดังนั้นจึงลดปุ๋ยลง เมื่อพืชกินปุ๋ยได้มากขึ้น ก็ขยายท่อลำเลียงพืชได้ดีขึ้น ลำต้นใหญ่ขึ้นพืชจึงสมบูรณ์ทำให้เพิ่มผลผลิต ทั้งผลผลิตที่ได้ก็มีคุณภาพดี 2. ป้องกันและกำจัดแมลง แมลงหนีเพราะได้กลิ่นเฉพาะของไคโตซาน 3. ป้องกันและกำจัดโรคพืช กระตุ้นให้พืชสร้างสารป้องกันโรคพืช เช่น ไฟโตอะเล็กซิน ไคติเนส รวมทั้ง ยับยั้ง RNA ของเชื้อราไม่ให้สามารถขยายพันธุ์ได้ พืชจึงแข็งแรง (90% โรคพืชเกิดจากเชื้อรา) 4. เป็นปุ๋ยให้แก่พืช พืชทุกชนิดที่ได้ใช้ ไคโตซาน จะทำให้พืชสามารถตรึงเอา ไนโตรเจนนำมาใช้ได้ถ้าเป็นเห็ดสามารถตรึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ได้เป็น อย่างดี ไคโตซานมีประจุแกรมบวกเยอะมาก และพืชที่ได้ใช้ไคโตซาน สามารถดูดซึมเอาธาตุอาหารในดินหลายชนิดเช่น โปรแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียมเหล็ก ฟอสเฟตไนเตรส มาใช้ และเก็บไว้แล้ว ปลดปล่อยให้แก่พืชอย่างช้าๆ ตามความต้องการของพืชแต่ละชนิด 5.
มาลินี ประสิทธิ์ศิลป์ ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ ไคโตซานกับการต้านการเจริญเติบโตของจุลชีพ% DD มีผลต่อการละลาย ความสามารถในการจับไอออนและสมบัติทางกายภาพและชีวภาพอื่นๆ ของไคโตซาน จากการทดลองพบว่า%DD ของไคโตซานที่นำมาใช้ก็มีผลต่อคุณสมบัติการยับยั้งหรือต้านการเจริญของจุลชีพเช่นกัน โดยพบว่าเมื่อใช้ไคโตซานในการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Escherichia coli จะต้องใช้ไคโตซานที่มีความเข้มข้น 0. 1% หากไคโตซานมี% DD เท่ากับ 80-85% แต่หากใช้ไคโตซานที่มี% DD เท่ากับ 90-95% จะสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ E. Coli ได้ที่ความเข้มข้นเพียง 0. 0075% เท่านั้น ดังนั้นจึงอาจสรุปได้คร่าวๆ ว่า ไคโตซานจะมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียได้ดีขึ้นเมื่อ% DD ของไคโตซานเพิ่มขึ้น อ้างอิง ดร. รัฐ พิชญางกูร ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้านอุตสาหกรรมการเกษตร ไคโตซานใช้เป็นตัวเชื่อมในการเคลือบเมล็ดพันธุ์เพื่อช่วยในการยับยั้งเชื้อรา ปกป้องพืช ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น รักษาเมล็ดพันธุ์จากโรคและแมลง เคลือบผลไม้เพื่อป้องกันเชื้อราและยืดอายุการเก็บผลไม้ให้นานขึ้น ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช สารละลายไคโตซานใช้เคลือบอาหารสัตว์เช่น กุ้ง ทำให้อาหารละลายในน้ำช้ากว่ากำหนด เร่งการเจริญเติบโตของกุ้ง สร้างสุขภาพกุ้งให้แข็งแรง
ในปี 1998 นักวิจัยชื่อชิลเลอร์ (Schiller) จากสถาบัน Mosby's drug Consult ใช้ไคโตซานกับผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน 50 คน โดยให้ผู้หญิงเหล่านั้นรับประทานไคโตซานจำนวน 1. 5 กรัม ก่อนมื้ออาหาร เป็นช่วงระยะเวลา 8 สัปดาห์ ผลการทดลองพบว่า ไคโตซานทำให้ผู้ทดลองลดน้ำหนักได้เฉลี่ยคนละ 1-2 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังผลงานวิจัยของนักวิจัยชาวญี่ปุ่นในปี 2002 ทดลองใช้ไคโตซานกับผู้ป่วยโรคอ้วนในระยะเวลา 6 เดือน พบว่าผู้ป่วยน้ำหนักลดถึง 15.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 30 มี. ค.
ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น ดินที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชจะต้องมีค่า pH 5. 5-8. 5 การใช้ ไคโตซาน อย่างต่อเนื่องจะทำให้ค่า pH ของดินเท่ากับ 6-7 ซึ่งเป็นกลางที่สุด จึงเหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชอย่างยิ่ง รวมทั้งคุณสมบัติที่ช่วยสลายเคมีในดิน อันต่อเนื่องจากใช้ปุ๋ยเคมีอย่างยาวนาน รวมทั้งช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน รวมทั้งลดปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นโรคพืช หลังการเก็บเกี่ยว พืชที่ใช้ ไคโตซาน ทุกชนิดจะเก็บไว้ได้ยาวนานกว่าพืชที่ไม่ได้ใช้ (พิสูจน์ได้) โดยการรักษาคุณภาพผลผลิต เพราะว่าพืชที่ใช้ไคโตซาน มีการเคลือบบนผิวผักผลไม้ เป็นลักษณะฟิล์มบางใสๆ ปราศจากสีและกลิ่น ทนทานต่อสภาวะกรดได้ดี 1. ทำให้เกิดก๊าซเอธิลีนช้าลง 2. ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสีช้าลง 3. ช่วยให้ชะลอการหายใจของพืช(ความชื้น) 4. ป้องกันเชื้อรา 5. ลดการรบกวนของแมลง 6. กระตุ้นให้มีการผลิตสารลิกนิน และแทนนิน ไคโตซาน วิธีการใช้สารละลายไคโตซานฉายรังสีในการฉีดพ่น 1. เติมน้ำสะอาดลงในถังจำนวน 20 ลิตร 2. เติมสารละลายไคโตซานฉายรังสี ลงไป 20-80 ซีซี ขึ้นกับชนิดของพืช 3. คนให้เข้ากัน 4. นำไปฉีดพ่นที่ต้นและใบตอนเช้า หลีกเลี่ยงการฉีดขณะมีแดดจัด เพราะน้ำจะระเหยเร็วเกินไป พืชดูดไปใช้ไม่ทัน 5.